••• งานประกวดพระ ที่อาคารรัฐประศาสนภักดี ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ จัดโดย คณะนักเรียนนายร้อย จปร.รุ่นที่ ๓๕ เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๕๖ ประธานจัดงาน พล.ต.นักรบ บุญบัวทอง และประธานดำเนินงาน พ.อ.นิคม อุดมเลิศวนาสิน แจ้งว่า...ได้ยอดเงินรวมประมาณ ๕.๔ ล้านบาท เฉพาะค่าลงทะเบียนพระที่มีผู้ส่งเข้าประกวดได้ยอดเงิน ๒.๑ ล้านบาท นับว่าเข้าเป้าตามที่คาดไว้...งานนี้ คณะนักเรียนนายร้อย จปร.รุ่นที่ ๓๕ ไปช่วยงานกันอย่างขยันขันแข็ง ตั้งแต่เช้าจนเสร็จงานทุกอย่าง โดยเฉพาะ เสธ.นิคม ที่คนในวงการพระรู้จักมักคุ้นกันดีมาโดยตลอด จนแทบจะเรียกได้ว่า “ท่านเป็นส่วนหนึ่งของชาวเรา” วงการพระเครื่องมรดกไทย ชั้น ๓ ห้างพันธุ์ทิพย์ งามวงศ์วาน...และที่ผู้เขียนเป็นปลื้มสุดๆ ก็คือ ได้พบกับ พ.อ.อเนก สุขสยามธนเดช หนึ่งในคณะนักเรียนนายร้อย จปร.รุ่นที่ ๓๕ เป็นผู้ที่ได้ติดตามอ่านนิตยสาร “ลานโพธิ์” สมัยที่ผู้เขียนเป็น บก.บห.เมื่อกว่า ๓๕ ปีก่อน (ตอนนั้น “ลานโพธิ์” ฉบับละ ๔ บาท) มาจนทุกวันนี้ นับได้ว่าเป็น แฟนพันธุ์แท้ ของผู้เขียนก็ได้...อย่างนี้น่าจะมอบ พระของขวัญ ให้สักองค์
•• คมเลนส์ส่องพระ วันนี้ได้รับภาพ พระสมเด็จ มาจาก ตี๋เหล้า ท่าพระจันทร์ คือ พระสมเด็จทรงเจดีย์ พิมพ์ใหญ่ เป็นพิมพ์พิเศษของ วัดระฆัง ซึ่งมีความแตกต่างกับ พิมพ์ทรงเจดีย์ ทั่วๆ ไป เป็นพระพิมพ์หนึ่งที่หายากมาก ความแตกต่างมีตรงไหน พระแท้ ดูได้จากจุดสำคัญอย่างไรบ้าง อ.ต้อย เมืองนนท์ จะได้พูดถึงในการเสวนาเชิงวิชาการเรื่อง “วิธีดูพระให้เป็นจากภาพถ่ายและหนังสือ” วันอังคารที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๖ เวลา ๑๒.๐๐-๑๗.๐๐ น. ณ หอประชุมเล็กศรีบูรพา ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ •• พบหน้าในงานประกวดพระที่ผ่านมา “โกยี สุโขทัย” (สมนึก ศรีผ่องใส) เซียนพระรุ่นอาวุโส ฝากภาพมาให้ลงคอลัมน์นี้ คือ พระร่วงยืนประทานพร หลังรางปืน กรุสวรรคโลก จ.สุโขทัย เนื้อสนิมแดง พิมพ์ร่องตื้น เป็นพระของ “ลุงสุโขทัย” นักสะสมพระคนรุ่นเก่าสมัย ป๋าปรีชา ดวงวิชัย ซึ่งเซียนพระสมัยนั้นรู้จักกันดี คุณลุงไม่ให้เอาพระไปถ่ายที่ร้าน ก็เลยต้องถ่ายด้วยกล้องธรรมดา ได้ภาพออกมาอย่างที่เห็นนี้ ซึ่งสวยคมชัดพอสมควร...พระร่วงหลังรางปืน เป็นพระร่วงต้นตำรับของพระพิมพ์นี้ แตกกรุออกมาได้พระสมบูรณ์ไม่เกิน ๒๐๐ องค์ ที่เรียกว่า หลังรางปืน ก็เพราะด้านหลังของพระพิมพ์นี้เป็น ร่อง เหมือนกับ รางปืน แต่องค์ในภาพนี้มองไม่เห็นเป็น ร่อง มากนัก เห็นเป็น ร่อง แต่เพียงรางๆ จึงเรียกว่าพิมพ์ ร่องตื้น พบเห็นน้อย...“โกยี” บอกว่า พระองค์นี้เป็นพระในตำนาน เซียนรุ่นเก่าก่อนรู้จักกันดี แต่ยังไม่มีใครสามารถ “บุก” ไปจาก “ลุงสุโขทัย” ได้เลย
•• องค์ต่อไป พระพุทธชินราช หลวงปู่เผือก วัดกิ่งแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ พิมพ์อกเลาหน้า ๒ เดือย และ พิมพ์อกเลาหลัง ๒ เดือย ปี ๒๔๘๕ เป็นพระของ ก้อง กิ่งแก้ว ผู้ชำนาญพระสายนี้โดยเฉพาะ ก้อง ให้ข้อมูลมาว่า...สมัยก่อนช่วงสงครามอินโดจีน วัดกิ่งแก้ว ยังไม่เจริญมากนัก การเดินทางยังลำบากมาก ไม่สะดวกสบาย แม้จะอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากนักก็ตาม วัดกิ่งแก้ว สมัยนั้นไม่มีน้ำสะอาดที่จะให้พระเณรและชาวบ้านใช้ในการอุปโภคบริโภค ส่วนใหญ่ชาวบ้านจะใช้น้ำจากลำคลองมาแกว่งด้วยสารส้มให้ตกตะกอนแล้วนำมาใช้ดื่มกินอาบล้างถ้วยชาม ตลอดจนใช้ในด้านอื่นๆ หลวงปู่เผือก ได้ปรารภกับคณะกรรมการวัดและลูกศิษย์ว่า อยากจะมีน้ำที่สะอาดเอาไว้ใช้เวลาดื่มกิน จึงดำริว่าจะต้อง ขุดบ่อน้ำบาดาล ปรากฏว่าอีก ๒ วันต่อมา ท่านขุนศรีฯ พายเรือจากบ้านนำ พระพุทธชินราช มาให้ หลวงปู่เผือก ๒ ช่อ ช่อละ ๒๕ องค์ (พิมพ์อกเลาหน้า ๒ เดือย และพิมพ์อกเลาหลัง ๒ เดือย อย่างละ ๒๕ องค์) แต่ละช่อมีครอบแก้วมาด้วย...ลักษณะเหมือนกับ พระพุทธชินราช เสาร์ห้า ของ ท่านเจ้าคุณศรีฯ (สนธิ์) วัดสุทัศนฯ อาจจะเป็นไปได้ว่า พระพุทธชินราช ที่ ท่านขุนศรีฯ นำมานั้นเป็นของวัดสุทัศนฯ ที่เทหล่อไว้เป็นช่อๆ ก็ได้...พระกริ่งนี้อุดเม็ดกริ่งที่สะโพก ที่ใต้ฐานมีรอยตัดชนวน ๒ แห่ง แสดงว่ามีช่อชนวน ๒ ช่อ ชาวบ้านจึงเรียกว่า “๒ เดือย” มี ๒ พิมพ์ คือ พิมพ์อกเลาหน้า และ พิมพ์อกเลาหลัง...ท่านขุนศรีฯ กราบเรียนหลวงปู่เผือก ว่า...เอาพระนี้ให้ชาวบ้านทำบุญ แล้วเอาเงินมาขุดบ่อน้ำบาดาล...เมื่อชาวบ้านรู้ข่าวว่าท่านขุนศรีฯ ได้นำพระมาถวายหลวงปู่เพื่อให้ชาวบ้านทำบุญ คนที่มีฐานะก็ทำบุญ ๑๐๐ บาท เอาเลื่อยมาตัดเอาองค์พระไป ๑ องค์ ที่ยังไม่มีเงินแต่อยากได้พระ หลวงปู่บอกว่า ให้ไปทำเครื่องหมายจองไว้แล้วมาตัดเอาไปทีหลัง...เมื่อได้เงินจากที่จำหน่าย พระพุทธชินราช จำนวนหนึ่งแล้วทางวัดจึงได้ว่าจ้างช่างมาขุด บ่อน้ำบาดาล จนสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี...ขณะเดียวกัน ได้มีลูกน้องของช่างขุดบ่อน้ำบาดาล เอาพระองค์หนึ่งไปทดลองความเหนียว โดยเอาองค์พระใส่ในปาก ปลาช่อนตัวใหญ่ แล้วฟันด้วยมีดดาบยาว...ปรากฏว่าปลาช่อนดิ้นพราดๆ แต่เนื้อตัวปลาช่อนไม่มีบาดแผลแม้แต่นิดเดียว...เมื่อชาวบ้านแถววัดได้ข่าว จึงพากันมาที่วัดเพื่อขอบูชาพระบ้าง แต่พระได้หมดไปแล้ว ข่าวนี้ยังดังต่อเนื่องไปถึงหมู่บ้านใกล้เคียงอื่นๆ ต่างเดินทางมาที่วัด แต่ต้องผิดหวังเช่นกัน...จนทางวัดต้องสร้าง พระพุทธชินราช ขึ้นมาใหม่ในเวลาต่อมา...ทุกวันนี้ พระพุทธชินราช รุ่นนี้เช่าหากันที่ ๒ แสนบาทขึ้นไปทั้ง ๒ พิมพ์ โดยดูที่ความสวยสมบูรณ์คมชัดเป็นหลักสำคัญมากกว่าพิมพ์ทรง ในองค์ที่มี “เดือย” (ก้านชนวน) โผล่ออกมายาวจนเห็นได้ชัดเจน จะมีราคาสูงขึ้นไปอีก เคยมีการเช่าหาองค์ที่มี “เดือย” ยาวมาแล้วถึง ๓.๕ แสนบาท
•• พระเครื่องชุดเล็กในตระกูล พระหลวงพ่อทวด วัดช้างให้ ที่ทันยุค พระอาจารย์ทิม ปลุกเสก มี ๒ ชุดหลัก คือ ชุดพระกลีบบัว และ ชุดเหรียญเม็ดแตง ปัจจุบันวงการนักสะสมถือว่า พระชุดเหรียญเม็ดแตง เป็นเหรียญที่มีกระแสมาแรงมาก เป็น เหรียญหลวงพ่อทวด ที่มีขนาดเล็กที่สุด (กว้างประมาณ ๑.๒ ซม.) ส่วนใหญ่เป็นเหรียญเนื้ออัลปาก้าชุบนิกเกิล นอกจากนี้ยังมีเหรียญกะไหล่ทอง และเหรียญเนื้อทองคำ ซึ่งมีจำนวนสร้างน้อยมาก เหรียญเม็ดแตง เหรียญนี้มีหลายแม่พิมพ์ทั้งด้านหน้าและหลัง ในการปั๊มเหรียญจึงมีการสลับไขว้กันทั้งแม่พิมพ์ด้านหน้าและด้านหลัง โดยมีการตั้งชื่อพิมพ์ตามลักษณะทางกายภาพของเหรียญทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เช่น พิมพ์หน้าผาก ๔ เส้น หนังสือเลยหู (นิยมสุด), พิมพ์หน้าผาก ๓ เส้น หนังสือเลยหู (แบ่งย่อยได้อีกหลายพิมพ์), พิมพ์ ณ (เณร) แตก (ของคำว่า “โสภณ”) หนังสือเลยหู และไม่เลยหู, และพิมพ์ธรรมดา ซึ่งแบ่งย่อยอีกหลายพิมพ์ เป็นต้น เหรียญเม็ดแตง เป็น พระชุดเล็ก ที่น่าสนใจสะสม แต่ต้องระวังให้มาก เพราะเหรียญนี้มีการ ทำปลอม มากที่สุดเหรียญหนึ่ง และปลอมได้ใกล้เคียงมาก เหรียญพิมพ์ยอดนิยม มีมูลค่าการเช่าบูชาเทียบเท่ากับพระหรือเหรียญหลักชุดใหญ่เลยทีเดียว...สำหรับเหรียญที่โชว์นี้เป็นของ ศ.ดร.ผดุงศักดิ์ รัตนเดโช เจ้าของ เหรียญเม็ดแตง องค์แชมป์งานใหญ่แทบทุกงาน เหรียญนี้เป็น พิมพ์หน้าผาก ๔ เส้น หนังสือเลยหู ปี ๒๕๐๖ พิมพ์นิยมที่สุด ในบรรดาเหรียญเม็ดแตงทั้งหมด ซึ่งมีความสวยสมบูรณ์ทั้งฟอร์มพิมพ์ที่คมชัด และสภาพผิวนิกเกิลคลุมทั้งเหรียญแบบเดิมๆ ที่ไม่ผ่านการใช้มาก่อน เป็นเหรียญชนะเลิศมาแล้วหลายงาน ล่าสุดเพิ่งคว้ารางวัลชนะเลิศงานประกวดพระที่ศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ เมื่อวันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๕๖ จัดโดยคณะนักเรียนนายร้อย จปร.รุ่นที่ ๓๕
•• ทุกวันนี้...เหรียญหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงจากบรรดานักสะสมทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ โดยเฉพาะสุดยอด เหรียญยอดนิยม ๓ รุ่น ที่บรรดานักพระเครื่องต่างหมายปองปรารถนามีไว้ในครอบครองให้ได้ คือ ๑.เหรียญรูปไข่ครึ่งองค์ พ.ศ.๒๕๑๒ ออกที่วัดแจ้งนอก จ.นครราชสีมา ที่เรียกกันว่า “เหรียญรุ่นแรก” ๒.เหรียญรูปไข่ครึ่งองค์ พ.ศ.๒๕๑๗ จัดสร้างขึ้นเนื่องในโอกาสสร้างกุฏิวัดสระแก้ว และสุดท้ายเป็นเหรียญรูปไข่นั่งเต็มองค์ รุ่น “สร้างบารมี” พ.ศ.๒๕๑๙ ซึ่งเป็นเหรียญยอดนิยมเทียบเท่ากับ “เหรียญรุ่นแรก” ของท่านเลยทีเดียว...เหรียญที่นำมาให้ชมวันนี้ คือ เหรียญหลวงพ่อคูณ รุ่น “สร้างบารมี” ปี ๒๕๑๙ เนื้อทองแดง เหรียญเนื้อนี้มีจำนวนจัดสร้างเพียง ๒,๕๑๙ เหรียญเท่านั้น ตามปีที่จัดสร้าง ซึ่งถือว่าน้อยมาก ปัจจุบันนับเป็นเหรียญยอดนิยมอันดับหนึ่งของ หลวงพ่อคูณ ที่ได้รับความสนใจจากนักสะสมมากที่สุด เนื่องจากเป็นเหรียญที่มีลักษณะสวยงาม คมชัด มีตำหนิ มีการตอกโค้ดป้องกันการปลอมแปลง และมีจำนวนเหรียญหมุนเวียนในวงการน้อยมากนั่นเอง สำหรับค่านิยมปัจจุบัน สภาพสวยๆ อยู่ที่ประมาณ ๕ แสนบาทขึ้นไป เหรียญในภาพนี้มีรอยจารพิเศษจากหลวงพ่อคูณ สภาพสวย มีคราบปรอทสีม่วงปนน้ำเงินคลุมอยู่ทั้งด้านหน้าและด้านหลังของเหรียญ ห่วงเดิมยังอยู่ครบ การันตีความงดงามด้วยแชมป์งานประกวดที่สมาคมพระรับรองมาแล้ว ๒ งาน ล่าสุดคืองานนักเรียนนายร้อย จปร.รุ่นที่ ๓๕ จัดที่ศูนย์ราชการ เมื่อวันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๕๖ ที่ผ่านมา เป็นเหรียญของ ศ.ดร.ผดุงศักดิ์ รัตนเดโช จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ผู้ครอบครอง เหรียญยอดนิยม หลวงพ่อคูณ มากกว่า ๕๐ เหรียญ ซึ่งหลายเหรียญเคยนำมาโชว์พิเศษในคอลัมน์ “เหรียญยอดนิยมหลักล้าน “หลวงพ่อคูณ” ทั้งสองตอนทำสถิติยอดผู้อ่านผ่านระบบออนไลน์เว็บ นสพ.คม ชัด ลึก กว่า ๕ หมื่นราย คาดว่าจะขึ้นสู่หลักแสนในเร็วๆ นี้
•• พระหลวงพ่อทวด วัดช้างให้ ทุกวันนี้นิยมกันทั่วทุกวงการ รุ่นเก่าๆ หายาก ราคาแพง คนรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อยจึงต้องหันไปเก็บ พระออกใหม่ ที่มีรูปแบบการสร้างดี พิธีดี เจตนาการสร้างน่าศรัทธาเชื่อถือ ดังจะเห็นได้ว่า พระหลวงพ่อทวด ที่ออกใหม่ หากพิมพ์สวยถูกใจจะได้รับการต้อนรับทันที ล่าสุดที่เห็นได้ชัดคือ รุ่น “๑๐๑ ปี พระอาจารย์ทิม วัดช้างให้” จัดสร้างโดย จังหวัดปัตตานี ร่วมกับ วัดตานีนรสโมสร มีหลากหลายพิมพ์ให้ทำบุญตามกำลังทรัพย์ โดยเฉพาะ พิมพ์หลังเตารีด ด้านหลังรูป พระอาจารย์ทิม ออกแบบได้ถูกใจชาวบ้านมาก ถึงกับมีการสร้างด้วยเนื้อทองคำ ๙ องค์ องค์ในภาพนี้หมายเลข ๑ ตอนจอง ๑๒๕,๐๐๐ บาท ตอนพระออกให้ผู้จอง ขยับขึ้นไปอยู่ที่ ๒๓๐,๐๐๐ บาท มาถึงวันนี้ราคาอยู่ที่ ๒๗๐,๐๐๐ บาท แทบไม่น่าเชื่อว่า พระใหม่ ราคาจะวิ่งไปเร็วถึงขนาดนี้ แสดงถึงความศรัทธาเลื่อมใสในองค์ หลวงพ่อทวด อย่างแท้จริง หลายคนเชื่อว่า... “แขวนรุ่นไหนก็ได้ ศักดิ์สิทธิ์เหมือนกัน”...พระหลวงพ่อทวด รุ่น “๑๐๑ ปี พระอาจารย์ทิม วัดช้างให้” ส่วนใหญ่หมดแล้ว ยังพอมีบางพิมพ์ให้บูชาได้บ้าง สอบถามโทร.๐๘-๑๗๕๔-๕๕๘๐, ๐๘-๑๘๐๔-๒๒๘๖
•• ตี๋เหล้า ท่าพระจันทร์ ส่งข่าวย้ำมาอีกครั้ง...สมาคมนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ร่วมกับ ชมรมพระเครื่องท่าพระจันทร์ จัดเสวนาเชิงวิชาการเรื่อง “วิธีดูพระให้เป็นจากภาพถ่ายและหนังสือ” ดำเนินรายการโดย รศ.นิพัทธ์ จิตรประสงค์ โดยมี อ.ต้อย เมืองนนท์, ศุภชัย เรืองสรรงามสิริ (ตี๋เหล้า ท่าพระจันทร์), ฉ่อย ท่าพระจันทร์ และ บอย ท่าพระจันทร์ เป็นผู้ร่วมเสวนา ในวันอังคารที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๖ เวลา ๑๒.๐๐-๑๗.๐๐ น. ณ หอประชุมเล็กศรีบูรพา ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ติดต่อสำรองที่นั่งโทร.๐๘-๑๖๘๖-๒๘๐๓, ๐-๒๖๒๓-๕๕๓๓ รายการนี้ “ฟรี” ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ...กรุณาเดินทางโดยรถโดยสารสาธารณะ •• วันอาทิตย์หน้า (๒๐ ตุลาคม) มี งานประกวดพระ ที่อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ (โซนเอ) ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ถนนแจ้งวัฒนะ จัดโดย เปี๊ยก ปากน้ำ แห่งนิตยสารพระเครื่อง “นักเลงพระ” และ “มรดกฅนไทย” งานนี้ได้บรรจุรายการวัตถุมงคลของพระคณาจารย์ชื่อดังของแต่ละภูมิภาคเอาไว้ในรายการประกวดมากมาย อย่างที่ไม่เคยมีงานไหนทำมาก่อน รวม ๒,๓๗๙ รายการ...พระชนะเลิศแต่ละรายการจะได้รับหนังสือ “พระเครื่องฅนไทย” โดย เปี๊ยก ปากน้ำ
•• หนังสือ “ปฐมบทหลวงพ่อทวด วัดพระสิงห์” รวมภาพพระหลวงพ่อทวดกว่า ๖๐๐ องค์ ภาพหน้า-หลัง-ข้าง ทุกมิติ หนากว่า ๔๐๐ หน้า กระดาษเกรดเอ ปกแข็งเคลือบยูวี พร้อมกล่องใส่ จัดทำโดยทีมงาน “ชมรมผู้นิยมพระหลวงพ่อทวด วัดพระสิงห์ เชียงใหม่” รายได้สมทบทุนสร้างหุ่นจำลอง “หลวงพ่อทวด” ขนาดเท่าองค์จริง, บูรณะกุฏิ “ตึกการรถไฟ” และทุนศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนา วัดพระสิงห์...ติดต่อสั่งจองได้ที่ “ฌาร์ พระสิงห์” โทร.๐๘-๗๕๗๘-๓๑๘๕ •• พบกับ คมเลนส์ส่องพระ ได้ใหม่ในวันอาทิตย์ต่อไป (สำหรับวันเสาร์ที่ ๑๙ ต.ค.ตรงกับ “วันพระ” ไม่มีคอลัมน์นี้)...ขอขอบพระคุณ...นะมัสเต •••
พระมณเฑียร 
