พระมเหศวร พิมพ์ใหญ่ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ สุพรรณบุรี
|
|
รหัสพระเครื่อง |
MT1028788 |
ชื่อพระเครื่อง |
พระมเหศวร พิมพ์ใหญ่ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ สุพรรณบุรี |
ราคา |
โทรถาม
|
รายละเอียด |
ในการแตกกรุครั้งใหญ่ของพระเครื่อง กรุพระปรางค์วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ สุพรรณบุรี เมื่อปีพ.ศ.2456 นั้นได้พบพระเครื่องมากมายหลายชนิด หลายพิมพ์ทรง ซึ่งต่างก็ได้รับความนิยมสูงทั้งสิ้น และที่นักสะสมรู้จักกันเป็นอย่างดีก็คือ “พระผงสุพรรณ” อันเป็นหนึ่งในพระชุดเบญจภาคีที่มีชื่อเสียงลือลั่น
นอกจากพระผงสุพรรณอันเลื่องชื่อของวงการแล้ว ในกรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ สุพรรณบุรี ยังมีพระอยู่ชนิดหนึ่งที่มีลักษณะพุทธศิลป์แปลกแตกต่างไปจากพระพิมพ์อื่นๆ กล่าวคือ เป็นพระพิมพ์ 2 หน้า โดยวางรูปแบบให้พระทั้งสองด้านประทับนั่งกลับหัวสวนทางกัน สมัยก่อนจึงเรียกว่า “พระสวน” ตามลักษณะเด่นของพิมพ์พระ ต่อมาจึงเรียกขานกันว่า “พระมเหศวร”
พระมเหศวร เป็นพระเนื้อชินยอดนิยม วงการพระจัดให้เป็นหนึ่งในห้าของ “ชุดพระยอดขุนพลเนื้อชิน” แห่งสยามประเทศ เป็นพระที่พบในกรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ สุพรรณบุรี เพียงแห่งเดียวเท่านั้นไม่มีจากกรุอื่นๆ นักสะสมต่างยกย่องว่าเป็นพระที่มีพุทธคุณยอดเยี่ยมทุกด้าน ทั้งเมตตามหานิยม มหาอุตม์แคล้วคลาด โดยเฉพาะด้านคงกระพันชาตรี
ดังที่ได้กล่าวไปแล้วว่า พระมเหศวร เป็นพระพิมพ์ที่แปลกกว่าพระพิมพ์ใดๆ ที่ปรากฏมา จุดเด่นคือ เป็นพระพิมพ์ 2 หน้า มีพระสององค์อยู่ด้านหน้า และด้านหลัง โดยวางรูปแบบให้พระทั้งสองด้านประทับนั่งกลับหัวสวนทางกัน อันเป็นที่มาของชื่อเรียกในสมัยก่อนว่า “พระสวน” แต่ชื่อนี้จะเรียกกันมานานแค่ไหน และเปลี่ยนมาเรียกชื่อ “พระมเหศวร” เมื่อใดก็ไม่ทราบชัด สาเหตุที่ชื่อ “พระสวน” กลายมาเป็น “พระมเหศวร” นั้นอาจเป็นไปได้ว่าชื่อ มเหศวร หมายถึง พระอิศวร ซึ่งเป็นมหาเทพผู้ยิ่งใหญ่มีฤทธิ์อำนาจกว่าใครทั้งปวงจึงเป็นชื่อที่มีมงคลยิ่งต่อการนำมาเรียกชื่อพระพิมพ์นี้ เพราะเป็นพระที่ยิ่งใหญ่ในพลังอิทธิปาฏิหาริย์เหมือนดังอำนาจของพระอิศวรนั่นเอง
แต่ก็มีนักวิชาการพระเครื่องบางท่านให้ความเห็นว่า ชื่อ “พระมเหศวร” นี้น่าจะเป็นชื่อที่ตั้งขึ้นเพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติพระมหากษัตริย์กรุงศรีอยุธยาพระองค์ใดพระองค์หนึ่งที่มีบทบาทสำคัญ หรือคงตั้งชื่อเพื่อให้เป็นเกียรติแก่ผู้สร้างก็เป็นได้ อย่างไรก็ตามชื่อนี้ก็เป็นชื่อที่เรียกขานกันมาแต่เดิม ซึ่งน่าจะเรียกกันมาตั้งแต่ครั้งที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสดอนเจดีย์ในปี พ.ศ.2456 แล้ว โดยครั้งนั้นได้เสด็จมาทรงเปิดกรุพระปรางค์วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ สุพรรณบุรี ด้วย
มีบางท่านเชื่อว่าชื่อ “พระมเหศวร” นั้นมาจากชื่อของ “เสือมเหศวร” ขุนโจรผู้ยิ่งใหญ่ของสุพรรณบุรี ในช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ประเด็นนี้ไม่มีน้ำหนักเพียงพอ เนื่องจากชื่อเสือมเหศวรเพิ่งจะปรากฏขึ้นเมื่อราวสงครามโลกครั้งที่ 2 นี้เอง แต่ชื่อพระมเหศวรนั้นมีเรียกกันมาตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 แล้ว จึงเป็นไปไม่ได้ที่ชื่อพระมเหศวรจะมาจากชื่อของเสือมเหศวร แต่เสือมเหศวรเสียอีกที่น่าจะเอาชื่อพระมาตั้งชื่อตัวเอง เพื่อให้ดูน่าเกรงขามขึ้น
พุทธลักษณะ พระมเหศวร
พระมเหศวร มีลักษณะพิมพ์ทรงเป็นเหมือนรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า เว้าตรงกลางทั้งสองด้าน มีองค์พระประทับนั่งปางมารวิชัยอยู่ทั้งสองด้าน แต่ประทับนั่งหันพระเศียรสวนกลับทางกัน ผู้เชี่ยวชาญทางด้านพระเครื่องได้ระบุไว้ว่า พระมเหศวร เป็นพระในศิลปะอู่ทองตอนปลาย กล่าวคือ พระเกศยาวเป็นเปลว มีไรพระศก ชายจีวร หรือเส้นสังฆาฏิยาว ปลายตัดเป็นเส้นตรง ประทับนั่งขัดสมาธิราบปางมารวิชัย ฐานหน้ากระดานแอ่นเป็นร่องเข้าข้างใน พระพักตร์เคร่งขรึมแสดงออกถึงตบะอันแก่กล้าน่าเกรงขาม พระเนตรโปนออกมาทั้งสองข้างกลมมน ด้านซ้ายลาดต่ำกว่าด้านขวา พระหัตถ์ซ้ายค่อนข้างใหญ่ สัณฐานคล้ายกล้ามปู ปรากฏเส้นพระอังสา และสังฆาฏิเป็นเส้นกลมแข็งทื่อชัดเจน
บริเวณสองข้างพระเศียรมีลักษณะเป็นปีกยื่นออกมา ปรากฏเส้นขีดนูนสั้นๆ ด้านข้างองค์พระใกล้กับพระเศียร ยังไม่มีใครทราบแน่ชัดว่าเป็นเส้นอะไร มีอยู่หลายแบบด้วยกัน เช่น ด้านซ้ายมี 2 ขีด ด้านขวามี 3 ขีดก็มี ด้านละ 2-3 ขีดก็มี ข้างละเท่าๆ กันก็มี ขีดดังกล่าวเข้าใจว่าเกิดจากลักษณะแม่พิมพ์ หรืออาจเกิดจากการใช้เทคนิคอะไรบางอย่างก็ได้
นอกจากพิมพ์ทรงของพระมเหศวรจะโดดเด่นกว่าใครแล้ว ลักษณะดังกล่าวยังถือเป็นการออกแบบที่ชาญฉลาดอย่างยิ่ง ซึ่งมีผลในแง่ของความแข็งแรงในองค์พระ เพราะปกติแล้วพระเครื่องทั่วไปมักมีส่วนที่บอบบางที่สุดคือ ส่วนพระศอ ซึ่งหากถูกกดทับแรงๆ พระศอมักแตกหัก แต่พระมเหศวรกลับไม่มีปัญหาดังกล่าว เพราะส่วนที่เป็นพระศอของพระอีกองค์หนึ่ง เมื่อนั่งสวนทางกันจึงไปอยู่ในตำแหน่งที่เป็นพระเพลาของพระอีกด้านหนึ่ง ทำให้ลบล้างส่วนที่เปราะบางออกไปอย่างสิ้นเชิง
การที่ทำเป็นองค์พระทั้งสองด้าน สันนิษฐานว่าแม่พิมพ์ของพระมเหศวร จะมีลักษณะแบบเบ้าประกบ มีเดือยอยู่กลางองค์ระหว่างองค์พระ เพราะในพระบางองค์ยังมีรอยก้านชนวนให้เห็นอยู่
เนื้อพระมเหศวร
เป็นพระประเภทเนื้อชิน มีทั้งชินเงิน และชินตะกั่ว ถ้าเป็นเนื้อชินเงินซึ่งแก่ดีบุก และปรอท เนื้อจะแข็ง และออกเป็นสีเงินยวง ในองค์ที่สมบูรณ์ผิวพระจะมีคราบปรอท และคราบไขสีน้ำตาลแทรกแซมกันอยู่ ทำให้ดูเหมือนผิวปรอทสีทองงามจับตายิ่งนัก แต่ถ้าผ่านการใช้สัมผัสก็จะเกิดสนิมสีดำ บางองค์เกิดสนิมขุม และรอยปริแตก ซึ่งเป็นธรรมชาติของพระเนื้อชินเงินที่ผ่านกาลเวลามานาน
ส่วนเนื้อชินตะกั่ว เป็นเนื้อประเภทที่เรียกว่า “ชินสังฆวานร” ลักษณะเนื้อพระจะอ่อนบิดงอได้ ผิวจะออกสีเทา แต่เนื้อในยังคงเป็นสีเงินยวง มีคราบไข และสนิมต่างๆ เหมือนกัน
พิมพ์พระมเหศวร
พระมเหศวร มีอยู่หลายแบบพิมพ์ด้วยกัน แต่หมวดหมู่ใหญ่ๆ ในวงการแบ่งแยกเป็นพิมพ์ต่างๆ ได้ 5 พิมพ์ คือ
- พระมเหศวร พิมพ์ใหญ่
- พระมเหศวร พิมพ์กลาง
- พระมเหศวร พิมพ์เล็ก
- พระสวนตรง
- พระสวนเดี่ยว
(นอกจากนี้ยังมีพิมพ์หลังนาคปรก พิมพ์หลังซุ้มระฆัง ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก) |
เข้าชมร้าน |
ตรี วิศวะ
|
โทรศัพท์ |
0859195503 , - |
ผู้เข้าชม |
14215 |
*** พระมเหศวร พิมพ์ใหญ่ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ สุพรรณบุรี *** |
|
|