พระเครื่อง มณเฑียร
 ร้าน  ทรัพย์สมบูรณ์พระเครื่อง [เอก ทรัพย์สมบูรณ์]
 
 พระเครื่อง  มณเฑียร หน้าพระมณเฑียร      พระเครื่อง  มณเฑียร หน้าร้าน    พระเครื่อง  มณเฑียร การรับประกัน / การชําระเงิน     พระเครื่อง  มณเฑียร รายละเอียดของร้าน

พระปิดตาหลังแบบ หลวงปู่มี วัดมารวิชัย(ตะกรุดทองคำ 3 ดอก)



พระเครื่อง พระปิดตาหลังแบบ หลวงปู่มี วัดมารวิชัย(ตะกรุดทองคำ 3 ดอก)

พระเครื่อง พระปิดตาหลังแบบ หลวงปู่มี วัดมารวิชัย(ตะกรุดทองคำ 3 ดอก)



รหัสพระเครื่อง   MT1019735
ชื่อพระเครื่อง   พระปิดตาหลังแบบ หลวงปู่มี วัดมารวิชัย(ตะกรุดทองคำ 3 ดอก)
ราคา      1,500 
รายละเอียด    พระปิดตาหลังแบบ หลวงปู่มี วัดมารวิชัย จ.อยุธยา ปี2539(องค์นี้เป็นแบบ บรรจุตะกรุดทองคำ 3 ดอก สภาพโดยรวมสวย*มีบิ่นขอบด้านหลังนิดหน่อยซึ่งส่วนใหญ่จะบิ่นที่บริเวณนี้หลายองค์*)จำนวนสร้างน้อยแค่ 500 องค์เท่านั้น ในปัจจุบันจะเหลือองค์ที่สวยๆแบบนี้ซักกี่องค์.....พระปิดตาหลังแบบ หลวงปู่มี วัดมารวิชัย จ.อยุธยา ปี2539 หลวงปู่มี กำหนดให้จัดพิธีปลุกเสกใน”มหัทธโนฤกษ์”เป็นฤกษ์งามยามดี ตรงกับวันเสาร์๕ ของวันที่ 23 มีนาคม 2539 เวลา 05:05 นาที “มหัทธโนฤกษ์” คือฤกษ์แห่งมหาเศรษฐี ที่มั่งมีเงินทอง เสริมส่งดวงชะตาราศี ให้มีลาภยศสรรเสริญ อีกทั้งเจริญด้านทรัพย์สินมั่นคงถาวร ในพิธีหลวงปู่มี จะนั่งหลับตาเข้าฌานสมาธิ ปลุกเสกนิ่งโดยร่างการไม่ไหวติง ตลอดหนึ่งชั่วโมงเต็ม..(ซึ่งปกติหลวงปู่มี จะนั่งหลับตาปลุกเสกแป๊บเดียวแล้วจะลืมตาปลุกเสกไปเรื่อยๆ)..และลือกันว่าขณะที่หลวงปู่มี นั้งหลับตาเข้าฌานสมาธิปลุกเสกอย่างนิ่งเฉยร่างกายไม่ไหวติงได้เกิดดวงไฟดวงใหญ่สีเหลืองนวลลอยอยู่เหนือกองวัตถุมงคล เป็นที่กล่าวขวัญกันอย่างเกรียวกราว หลังจากที่หลวงปู่มี ปลุกเสกเสร็จมีคนถามหลวงปู่มี ว่า ทำไมรุ่นนี้ถึงเสกนานมากขนาดนี้ ราวๆชั่วโมงกว่า ปกติรุ่นอื่นเสก 30 นาทีก็เสร็จแล้ว หลวงปู่ ตอบว่า "ฉันต้องนิมนต์มาหลายรูปกว่าจะครบ และดูว่าครูบาอาจารย์มากันครบทุกองค์หรือเปล่า เทวดาก็ต้องเชิญ " หลังจากวันที่ทำพิธีปลุกเสกแล้ว พระอาจารย์ชุมพล”พระครูวิชัยพลากร” (เจ้าอาวาส รูปปัจจุบัน) ได้นำวัตถุมงคลทั้งหมดเก็บไว้ในกุฏิ แล้วโยงสายสิญจน์ถวาย ให้หลวงปู่มี อธิษฐานจิตปลุกเสกซ้ำอีกทุกเช้า – ค่ำ รวมเวลาปลุกเสกไม่ต่ำกว่า 16 วันก่อนนำออกให้ทำบุญบูชา………พระปิดตาหลังแบบ หลวงปู่มี วัดมารวิชัย จ.อยุธยา ปี2539 นี้จัดสร้างทั้งหมด 3 แบบคือ…-1,แบบบรรจุตะกรุดทองคำแท้ 3 ดอกจัดสร้าง 500 องค์ …-2,แบบบรรจุตะกรุดทองคำแท้ 1 ดอกจัดสร้าง 1,000 องค์ …-3,แบบบรรจุตะกรุดเงิน 1 ดอกจัดสร้าง 10,000 องค์………มวลสารในการสร้างคือผงวิเศษ 5 ประการที่หลวงปู่มี ลบขึ้นเองได้แก่..1.ผงอิธะเจ ..2.ผงปถมัง ..3.ผงมหาราช ..4.ผงพุทธคุณ ..5.ผงตรีนิสิงเห..,..ผงพระเก่าๆที่ชำรุดรวมทั้งผงพระสมเด็จรุ่นแรกที่โดดเด่นด้านเมตตามหาเสน่..,..ผงว่านเกษร108-แป้งเสก..,..สีผึ้งมหาเสน่..,..ทองคำเปลว..,..เกษา และ ผ้าจีวรหลวงปู่มี..,..ผงธูปกัมฐาน..,..เกสรดอกไม้ ๑๐๘ ของวัดมารวิชัย………พุทธลักษณะโดยรวม ด้านหน้าเป็นรูปองค์พระปิดตานั่งขาขัดสมาธิมือทั้งสองยกปิดใบหน้ามีใบหูทั้งสองข้าง(คล้ายพระปิดตาหลวงปู่แก้ว เมืองชลบุรี)…..ส่วนด้านหลังจะเว้าเข้าในเป็นรุปพระปิดตาแบบด้านหน้า(เป็นที่มาของชื่อพระปิดตาหลังแบบ)มีอักขระพระคาถาพระเจ้าห้าพระองค์”นะโมพุทธายะ อุ” อยู่ที่หัวไหล่,หัวเข่า,ใบหน้า และ พุง…..ขนาดโดยประมาณกว้าง 3.2 ซ.ม.xยาว 2.7 ซ.ม………. ( โปรดใช้วิจารณญานในการอ่าน)พระพุทธคุณของพระปิดตารุ่นนี้ โดดเด่นในด้าน เมตตา ค้าขาย ซื้อง่ายขายคล่อง และ แคล้วคลาดปลอดภัย(ด้วยอำนาจบารมีแห่งอักขระพระยันต์ที่อยู่ในองค์พระ) .....-เพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องอักขระพระคาถาพระยันต์ต่างๆในองค์พระ---…พระปิดตา นิยามคำว่าพระปิดตา
พระปิดตาความจริงไม่มี แต่นิยมเรียกกันมานานจนชินปาก "พระปิดตา"ลักษณะขององค์พระท่านเป็นการยกพระหัตถ์ ปิดพระพักตร์ มิใช่ยกพระหัตถ์ปิดพระเนตร(ตา) แต่ปิดรวม ตา หู จมูก ปาก และดวงหน้าซึ่งนับเป็นส่วนหนึ่งของกาย ส่วนใจเป็นนามก็ปิดโดยสมมุติ นับเป็นอาการสำรวมอายตนะ ๖ ประการ,,,,,ชนิดของพระปิดตาแบ่งออกเป็น ๓ ชนิดดังนี้…-๑,พระปิดตา ชนิดปิดตานั่งยองความหมายเดิมคือพระโพธิสัตว์เจ้าในพระครรภ์ เรียกว่าพระมหาอุด หรือเป็นพระปิดทวารทั้งเก้าเต็มภาค ไม่มีคำเรียกอย่างอื่น…-๒,พระปิดตา ชนิดปิดตานั่งขัดสมาธิยกหัตถ์ปิดทวารทั้งเก้า ความหมายเดิมคือพระเจ้าเข้านิโรธ ควรใช้ศัพท์เรียกว่า “ภควัม”…-๓,พระปิดตา ชนิดปิดตานั่งขัดสมาธิ(ทั้งขัดสมาธืราบ และ ขัดสมาธิเพชร) ยกหัตถ์ทั้งสองขึ้นปิดพระพักตร์ เว้นส่วนอื่น เป็นพระเมตตามหานิยมและลาภผล เรียกว่า “พระควัมปติ” พระปิดตาทั้ง๓ชนิดมีทั้งฝ่ายบู้ ฝ่ายบุ๋น ความหมายมิได้คล้ายคลึงกันเลย ยังมีบุคลบางท่านเข้าใจผิดคิดว่าเป็นประเภทเดียวกัน …-๑. ๑ พระปิดตามหาอุดโดยสมบูรณ์นั่งยอง หรือพระเจ้าในครรภ์ สร้างโดยรูปแบบบุคคลาธิษฐานของการปิดทวารทั้งเก้า โดยจินตนาการรูปลักษณะของทารกในครรภ์ ซึ่งมีการปิดทวารโดยอัตโนมัติดังนี้-๑.๑.๑.ดวงตาทั้งสองต้องไม่มองสรรพสิ่งใดๆ(ปิด ๒ ทวาร)-๑.๑.๒.หูทั้งสองไม่รับฟังสรรพสำเนียงใดๆ(ปิด ๒ ทวาร)-๑.๑.๓.รูจมูกทั้งสองไม่ทำการหายใจ(ปิด ๒ ทวาร)-๑.๑.๔.ไม่เอ่ยปากเจรจากับผู้ใด(ปิด ๑ ทวาร)-๑.๑.๕,ทวารหนักเบาไม่ทำการถ่าย(ปิด ๒ ทวาร)
ประวัติพระปิดตารวมทั้งสิ้นเป็นการปิดทวารทั้งเก้าทวารด้วยกัน ไม่เกี่ยวกับการอายตมะ…..ลักษณะโดยสมบูรณ์ของพระปิดตากุมารในครรภ์ มีส่วนประกอบขององค์พระ ดังนี้ -๑.รกหนา หมายถึง ส่วนที่เป็นฐานพระ นิยมขมวดเป็นรูปวงกลม หรือ แผ่นกลม วางไว้ใต้ก้น หรือ ใต้พระบาททั้งสองขององค์พระ -๒.รกบาง ไม่ปรากฏสัญลักษณ์ในรูปองค์พระ เนื่องจากเป็นส่วนที่บางใสอย่างอากาศธาตุที่ห่อหุ้มอยู่รอบองค์พระ จึงไม่จำเป็นต้องใช้สัญลักษณ์ -๓.น้ำทัง หมายถึง ส่วนที่เป็นขมวดมวยอยู่บนพระเศียรขององค์พระ -๔.ลำไส้ หรือ สายสะดือ หมายถึง ส่วนที่เป็นเส้นที่ลากผ่านกลางหลังขององค์พระ จากด้านซ้ายไปด้านขวา หรือ จากด้านขวาไปด้านซ้าย หรือ เส้นที่ลากต่อจากขมวดมวยบนพระเศียรลงไปทางด้านหน้าจดกับสะดือ เพราะฉะนั้นสายสะดือกับขมวดมวยน้ำทังจึงเป็นส่วนที่ต่อเนื่องกัน
(พระคาถาประจำองค์พระ)" คาถาพระปิดตา "
อุมังคะลามหาสัมพุทธานัง ชะละมาลาติมาระภะเว พระคาถานี้ใช้บูชาพระเจ้าในครรภ์แล,,,,,๒.๑ พระปิดตานั่งขัดสมาธิ หรือพระเจ้าเข้านิโรธสมบัติพระปิดตาแบบพระเจ้าเข้านิโรธปรมาจารย์ผู้ปลุกเสกมีเจตนาให้เป็นพระมหาอุด จะไปเรียกพระควัมปติไม่ได้ เรียกว่า”ภควัม” พออนุโลม เรียกพระปิดตาก็ได้ ผิดลักษณะจากทารกในครรภ์ ตามเหตุผลแล้วการเข้านิโรธ ไม่เป็นการปิดทวารอะไร อย่างน้อยยังมีอัสสาสะปัสสาสะ คือลมหายใจเข้า-ออก ยกเว้นเพียงไม่กล่าวคำพูดและไม่ฉันอาหารเท่านั้น อาจดื่มน้ำ เพราะความต้องการของร่างกาย มิเท่านั้น ยังมีการถ่ายหนักถ่ายเบาจากสิ่งที่ตกค้างหลง เหลือภายในร่างกายตามระบบการขับถ่ายและก็มิใช่นั่งเป็นตัวตอ ทั้ง ๗ วัน ๗คืน ก็ แปลรูปเป็นเนสัชชิกังไปในอิริยาบถสี่ ยืน เดิน นั่ง นอน ล้วนเป็นการปฏิบัติสมาธิทั้งสิ้น การทำสมาธิแบบวิปัสสนาญาณ(มิใช่ฌาน)ล้วนตื่นเบิกบาน รู้ตัวทั่วพร้อม ประกอบด้วยสัมมาสมาธิ คือสมาธิลืมตาหรือสมาธิพุทธ ตามองเห็นเป็นรูป ตัวเป็นนาม ไปหลับตาแล้วจะรู้อะไรส่วนสมาธิหลับตานั้นมิใช่สมาธิพุทธ เป็นมิฉาสมาธิ หรือสมาธิสากล ไม่เลือกลัทธิเป็นพวกไสยศาสตร์ ไสยะแปลว่านอนหรือหลับพุทธะแปลว่าตื่น การที่ พระพุทธโฆษาจารย์แห่งลังกาทรงนิพันธ์คัมภีร์วิสุทธิมรรค ว่าด้วยการปฏิบัติพระกรรมฐาน ซึ่งมีอยู่ด้วยกันถึง ๔๐ แบบ ล้วนนอกลัทธิพุทธทั้งสิ้น เพราะอะไรก็เพราะว่ากรรมวิธีนี้เกิดมาก่อนพุทธ และพระพุทธองค์ได้ทรงศึกษากรรมวิธีนี้จากพระอาจารย์สองท่านคืออุทกดาบถ รามบุตร อาฬารดาบส รามโคตร์ ซึ่งทั้งสองท่านมิใช่พุทธแต่เป็นโยคีศึกษาแบบนั่งหลับไปจนถึงอรูปฌานก็ไม่เห็นทางหลุดพ้น จัดเป็นเพียงสมถะมีสมาธิแต่ไม่ถึงขั้นปัญญา มีฤทธิ์สามารถแสดงออกได้ เพ่งกสิณก็ได้ เหาะเหินเดินฟ้ายังได้ เช่น คันธารีฤๅษีและพระเทวทัตซึ่งสำเร็จสมาบัติ ๘ คือรูปฌาม ๔ อรูปฌาม ๔ จนเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาเลื่อมใสของพระเจ้าอชาติศัตรูพระเทวทัตเหาะได้และแปลงกายเป็น พญานคาราชก็ได้ แต่ขั้นโสดาบันยังไม่ได้คือไปสร้างตัวยืด ไม่ทำตัวหลุด แต่ก็เป็น อุปการะในการทำเสโตสมาธิหรือกระทำวิปัสสนาไม่ต่ำช้าอะไรเมืองไทยเราพอเห็น ใครนั่งหลับตาหรือแสดงฤทธิ์ได้เล็กน้อย ก็ยกย่องเป็นพระอรหันต์เมื่อพระพุทธองค์ ปลีกตัวออกจากอาจารย์ทั้งสองท่านแล้ว ก็ทรงค้นหาทางดับทุกข์จนบรรลุพระอนุตร สัมมาสัมโพธิญาณจากนั้นพระองค์ท่านก็เสด็จออกไปยืนทอดพระเนตรสู่เบื้องบรูพาทิศ หรือทิศตะวันออก ลืมพระเนตรทั้งสองไม่กระพริบตลอด ๗ ทิวาราตี ไม่กลัวแดดเกรงตะวัน ปางนี้เรียกว่าปางถวายพระเนตร ท่านได้สอนไว้แล้วทำตัวอย่างให้ดูท่านผู้ใดยังสงสัยเรื่องสมาธิพุทธลืมตา ว่างๆย่องไปดูพระท่านเดินหลับตาหรือลืมตา เมื่อเดินลืมตานั่งก็ลืมตายืนก็ลืมตา นอนก็ลืมตาได้ เพราะอยู่ในอิริยาบถสี่หลับตานั้นเป็นวิธีของฤๅษี บรรลุฌาน ๘ ลืมตาเป็นวิธีของพุทธบรรลุญาณ ๑๖ แยกญาณกับฌามให้ออก พระเจ้าเข้านิโรธสมบัติส่วนใหญ่เป็นพระอรหันตาเจ้าเรียนรู้สมาธิพุทธตามคำสอนของพระบรมครู ท่านถือสายกลางอย่าไปคิดว่าเคร่งครัดแบบอัตกิลมถานุโยคะ ซึ่งเป็นการเบียดเบียนตนเอง นั่งนานเมื่อยท่านก็ลุกยืนนานท่านเมื่อยท่านก็ออกเดินจงกลม เดินเมื่อยนักท่านก็นอนตะแคงแบบสีหไสยาสน์ตะแคงขวา เป็นการนอนแบบมีสติในการพิจารณาธรรม ถ้านอนตะแคงซ้ายเรียกว่ากามโภคี ใช้ไม่ได้การเข้านิโรธสมาบัติเป็นเพียงการเพิ่มตบะธรรม สำคัญที่สติ ตาก็ดูหูก็ฟัง ไม่ลืมตาแล้วจะไปพิจารณามหาภูตรูป คือธาตุทั้งสี่วัตถุแท่งทึบ โปร่งใสได้อย่างไรเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณรวมเป็นจิตตัวรู้และเป็นนาม จะรู้ตัวทั่วพร้อมได้อย่างไร เพียงแต่ว่าสิ่งที่ผ่านมากระทบอารมณ์จะพิจารณาในธรรมหมวดใด จะเป็นพระไตรลักษณ์ ทุกข์ อนิจจัง อนัตตา หรือพิจารณาในมหาสติปัถฐานสี่ กาย เวทนา จิต ธรรม เช่นกายก็สักแต่ว่าเป็นกายไม่ใช่สัตว์ ตัวตน บุคคล เราเขา ท่านจะใช้ธรรมสองหมวดยกขึ้นพิจารณา ที่กล่าวว่าวิญญาณ คือธาตุรู้เช่น จักขุวิญญาณ (ตา), โสตะวิญญาณ (หู), ฆานะวิญญาณ (จมูก), ชิวหาวิญญาณ (ลิ้น), มันจะไปรู้อะไรมันเป็นเพียงเจตะสิกจิต (จิตตังเจตะสิกกัง) ตาทำหน้าที่เพียงจับภาพแล้วส่งผ่านไปยังสัญญาจะบอกได้ว่ารูปอะไรภาพอะไร จะกล่าวเพียงว่าเห็นเป็นรูปตัว รู้เป็นนาม ได้ยินเสียงเป็นรูปรู้เป็นนามมันออกจะยากอยู่สักหน่อย,,,,,๓.พระปิดตานั่งขัดสมาธิ(ทั้งขัดสมาธืราบ และ ขัดสมาธิเพชร) ยกหัตถ์ทั้งสองขึ้นปิดพระพักตร์ เว้นส่วนอื่นเป็นองค์สมมุติ ของพระอรหันตาเจ้า มีความผิดแผกแตกต่างกับ พระปิดตาชนิดที่1(ปิดตาในครรภ์) และพระปิดตาชนิดที่2(ปิดทวาร ๙) ทั้งรูปและนาม พระปิดตาสองแบบแรกรูปลักษณ์ไปคนละอย่าง อิทธิคุณออกไปด้านป้องกันคุ้มครอง ทั้งมิได้เป็นองค์แทนของผู้ใด ส่วนแบบที่3 ที่จะกล่าวถึงนี้ พุทธคุณอิทธิคุณเน้นหนักไปในทางนิ่มนวล เมตตามหานิยม เสน่ห์ ลาภผล แคล้วคลาด บรรจุด้วยยันต์พระสิวลี พระปิดตาชนิดนี้นิยมเรียกกันว่า “พระควัมปติ” พระควัมปติ หมายถึงพระอรหันต์รูปใดในตำนานพุทธสาวกกล่าวว่า ท่านคือพระควัมปติเป็นพระสาวกรุ่นแรกๆ ของพระพุทธองค์ ก่อนอุปสมบทดำรงฐานะอยู่ในขั้นเศรษฐีมีทรัพย์ ระดับเดียวกันกับ ยสมานพ(อ่านยะสะ) เป็นเพื่อนเกลอรักใคร่ชอบพอกันมาก ครั้งเกิดธรรมาพิสมัย จึงพร้อมใจกันอุปสมบทในสำนักของพระบรมศาสดา ภายหลังต่อมาได้บรรลุอรหันต์ทั้งสองรูปท่านพระควัมปติทรงเป็นเอตะทัคคะ 1 ในพระอรหันต์ผู้ทรงเอตะทัคคะ 80รูปในด้านอินทรีย์สังวร ท่านบรรลุซึ่งเตวิชโชหรือวิชชาสาม เชี่ยวชาญในอิทธิวิธี เชียวชาญทางวิปัสสนากรรมฐาน เคยใช้ฤทธิ์ห้ามกระแสน้ำในลำน้ำสรภู ซึ่งไหลเชี่ยวให้หยุดไหลได้ อาการที่สำรวมทั้งภายนอกภายในโดยเคร่งครัดสม่ำเสมอนี้ ทำให้เทพยดาแลมนุษย์พากันเคารพสรรเสริญ ต่อมาได้พากันสร้างรูปของท่านเพื่อสักการบูชาลักษณะการยกพระหัตถ์ขึ้นปิดพระพักตร์จัดเป็นธรรมาธิษฐาน มิใช่บุคคลธิษฐาน เพราะการสำรวมอายะตนะ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ไม่จำเป็นต้องปิดหน้า"พระปิดตา" แต่เป็นการแสดงความหมายให้ทราบเท่านั้น………พระคาถาหัวใจพระเจ้า 5 พระองค์ คือ "นะโมพุทธายะ" อันเป็นนามพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ในภัทรกัป คือ กัปอันเจริญปัจจุบันนี้ซึ่งมีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ถึง 5 พระองค์ คือ…”นะ” หมายถึงพระกกุสันโธ…”โม” หมายถึงพระโกนาคมน์…”พุท” หมายถึงพระกัสสปะ…”ธา” หมายถึงพระสมณโคดมพระพุทธเจ้าที่เรากราบไหว้องค์ปัจจุบัน…”ยะ” หมายถึงพระศรีอาริยเมตไตรยพระพุทธเจ้าองค์ที่จะมาตรัสรู้ในอนาคต………เพิ่มเติมเกี่ยวกับผงวิเศษ 5 ประการ…..ผงวิเศษ 5 ประการได้แก่/ผงอิธะเจ /ผงปถมัง /ผงมหาราช /ผงพุทธคุณ /ผงตรีนิสิงเห/ ผงทั้งห้านี้รวมเรียกว่าผงวิเศษ 5 ประการ มิได้เกิดจากการนำผงทั้งห้าชนิดมารวมกัน แต่เกิดจากผงชุดเดียวกันผ่านกรรมวิธีการทำต่อเนื่องกันถึง 5 ครั้ง…..กรรมวิธีการทำผงวิเศษ 5 ประการมีดังนี้…ขั้นแรก ทำดินสอพองวิเศษ ด้วยส่วนผสม คือ ดินโป่ง 7 โป่ง ดินท่า 7 ท่าดินเสาหลักเมือง 7 หลักเมือง ขี้เถ้าไส้เทียนบูชาพระประธานพระอุโบสถ ดอกกาหลง ยอดสวาท ยอดรักซ้อน ขี้ไคลเสมา ขี้ไคลประตูวัง ขี้ไคลเสาตะลุงช้างเผือก ราชพฤกษ์ ชัยพฤกษ์ พลูร่วมใจ พลูสองหาง กระแจะตะนาว จ้ำมัน 7 รส และดินสอพอง มาผสมกัน ป่นละเอียด เจือน้ำ ปั้นเป็นแท่งดินสอ หลังจากนั้น ท่านก็จะทำการเขียนยันต์แล้วลบเป็นผงวิเศษ 5 ประการ หลวงปู่มี ท่านจะกระทำในพระอุโบสถ เตรียมเครื่องสักการะ หน้าพระประธาน กล่าวคาถาอัญเชิญครู ประกาศอัญเชิญเทพยดา ทำประสะน้ำมนต์พรมตัว เรียกอักขระเข้าตัว และอัญเชิญครูเข้าตัว แล้วเริ่มนำแท่งผงดินสอที่ผสมไว้มาเขียนสูตรยันต์ลงบนกระดานชนวนแล้วลบเป็น “ผงปถมัง” มีอานุภาพ หลายด้าน แต่หนักไปทาง คงกระพันชาตรี มหาอุตม์ แคล้วคลาด กำบังล่องหนและป้องกันภูตผีปีศาจและคุณไสย เสร็จแล้วก็นำผงปถมังที่ลบแล้วมาปั้นเป็นดินสอแล้วเขียนสูตร ลบผงเป็น ”ผงอิธะเจ” มีอานุภาพด้านเมตตามหานิยมอย่างสูงรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ด้วยเสร็จแล้วก็ นำผงอิธะเจ ที่ลบแล้วมาปั้นเป็นดินสอแล้วเขียนสูตร ลบผง เป็น”ผงมหาราช” มีอานุภาพด้านเมตตามหานิยมอย่าสูงป้องกันและถอนคุณไสย และแคล้วคลาด เสร็จแล้วก็นำผงมหาราช ที่ลบแล้วมาปั้นเป็นดินสอแล้วเขียนสูตร ลบเป็น”ผงพุทธคุณ” ให้อานุภาพด้านเมตตามหานิยมอย่างสูง กำบัง สะเดาะ และล่องหน เสร็จแล้วก็นำผงมหาราช ที่ลบแล้วมาปั้นเป็นดินสออีกครั้ง แล้วก็เขียนสูตร ลบเป็น”ผงยันต์ตรีนิสิงเห” หรือ “ยันต์นารายณ์ถอดรูป” แล้วยังมี”ยันต์พระควัมบดี” และ”ยันต์ตราพระสีห์” อานุภาพด้าน เมตตามหานิยมป้องกันถอนคุณไสย และภูตผี ป้องกันสัตว์เขี้ยวเล็บงา รักษาโรค อุบัติภัยอันตรายทั้งปวง..เป็นอันเสร็จสิ้นกรรมวิธีตามโบราณครูบาอาจารย์ที่หลวงปู่มี ม่านได้ร่ำเรียนมา จึงบังเกิดเป็นผงวิเศษ ๕ ประการ อันวิเศษสุดขลังสุดๆพุทธคุณครอบจักรวาล ………”หลวงปู่มี พระเถราจารย์จอมขมังเวทแห่งวัดมารวิชัยท่านได้สร้างเสกอิทธิวัตถุมงคลออกมาหลายพิมพ์หลายรุ่นหลายแบบ แต่แทบทุกรุ่นทุกชนิดก็สร้างน้อยมีจำนวนจำกัด เมื่อหมดให้เช่าบูชาหมดไปแล้วก็หมดกันไป ไม่มีการสร้างเสริมเพิ่มเติมขึ้นมาอีก จึ่งทำให้วัตถุมงคลทุกชนิดของหลวงปู่มีน่าสะสม และ วัตถุมงคลของท่าน สะสมเล่นหาง่าย มีเอกลักษณ์เป็นแบบเฉพาะโดดเด่น มีโค๊ตกำกับในการแยกรุ่น แยกเนื้อ แยกพิมพ์ และที่สำคัญยิ่งคือ ผู้นำวัตถุมงคลไปใช้บูชาก็ได้ผล เป็นประจักชัด มีประสพการมากมาย วัตถุมงคลของหลวงปู่มี นั้นอาราธนาใช้ได้ครอบจักรวาล เพราะบารมีแห่งอักขระพระคาถาที่บรรจุอยู่ในวัตถุมงคล และ ได้รับการปลุกเสกบรรจุพลังจากหลวงปู่มี วัดมารวิชัย(ที่มีสมาธิจิตแข็งแกร่ง วิชาอาคมแก่กล้า มีวิธีการปลุกเสกที่เป็นเอกลักษณ์ หาใครเหมือนได้ยาก)………ท่านที่กำลังมองหา หรือ สะสมวัตถุมงคลหลวงปู่มี วัดมารวิชัย อย่ามองข้ามรุ่นนี้ เพราะเป็นอีกรุ่นหนึ่งที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว และ จำนวนสร้างน้อย__***ปัจจุบันมีของปลอมออกมาหลายฝีมือท่านควรเลือกเช่าหาจากร้านที่มีความหน้าเชื่อถือมีการรับประกัน และควรเลือกเก็บสะสมองค์ที่สวยๆเพื่อมูลค่าเพิ่มในอนาคต__พระองค์นี้ท่านลูกค้าชมองค์จริงได้ที่ 94/2 หมู่4 ซ.อ่อนนุช63 ถ.สุขุมวิท77 แขวง/เขตประเวศ กทม.((กรุณาโทรนัดล่วงหน้า))***__kittiphon0707@gmail.com__Line ID : aek333s
เข้าชมร้าน     ทรัพย์สมบูรณ์พระเครื่อง [เอก ทรัพย์สมบูรณ์]
โทรศัพท์     0860039239 , 02
ผู้เข้าชม   7270
*** พระปิดตาหลังแบบ หลวงปู่มี วัดมารวิชัย(ตะกรุดทองคำ 3 ดอก) ***



  พระเครื่อง มณเฑียร   สงวนลิขสิทธิ์ เนื้อหาทั้งหมดตั้งแต่ปี 2011 ชมรมพระเครื่อง มณเฑียร   พระเครื่อง มณเฑียร  
 
พระเครื่อง มณเฑียร เว็บไซด์ : พระมณเฑียร : WWW.PRAMONTIEN.COM   พระเครื่อง มณเฑียร
 
ห้ามคลิกขวา